ภายหลังจบเกมการแข่งขันศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษคู่ หงส์ขาวปะทะหงส์แดง แบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมจ่าฝูงก็ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเกมตามธรรมเนียมประจำของ การแข่งขันฟุตบอล ทุกๆคู่อยู่แล้ว ที่จะมีการสัมภาษณ์ผู้จัดการทีมของทั้งสองฝั่ง ซึ่งเกมนี้ร็อดเจอร์สแสดงความพึงพอใจกับผลการแข่งขันที่ได้ แม้ว่าหวังจะเอาชนะคู่แข่งในเกมนี้ให้ได้เพื่อชัยชนะติดต่อกันเป็นนัดที่ 4 ในลีกตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ก็ตาม โดยเจ้าตัวระบุว่า มาที่ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยมนี้เพื่อนำชัยชนะกลับออกไป แต่เมื่อทำเต็มที่แล้วไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ การกลับออกจากสนามโดยไม่แพ้ย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
อย่างไรก็ตามแบรนแดน ร็อดเจอร์สได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นอาการบาดเจ็บของฟิลิปเป้ คูติญโญ่ว่าทำให้เกมส์ของทีมหงส์แดงตื้อไป ไม่ไหลลื่นเหมือนเดิม ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้ว่าผมเองคิดมากไปหรือเปล่านะครับ ว่าทำไมร็อดเจอร์สถึงได้ให้ความสำคัญกับคูติญโญ่เหนือผู้เล่นอื่นๆ เสมือนจะยกให้คูติญโญ่เป็นผู้กำหนดชำตาของทีมอย่างนั้นเลย ทั้งๆที่ร็อดเจอร์สก็ยืนยันว่าทีมลิเวอร์พูลของตนเองเป็นทีมฟุตบอลที่เล่นกันเป็นทีมไม่มีสตาร์ดัง ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร ไม่มีใครที่จะมายึดำแหน่งตัวจริงแบบตามใจต้องการ ขนาดในรายของหลุยส์ ซัวเรซ เจ้าตัวยังบอกว่าถ้าพ้นโทษแบนกลับมา ก็จะไม่ได้เลือกใครเป็นกองหน้าตัวหลักระหว่างสเตอร์ริดจ์ กับ ซัวเรซ เพราะต้องอยู่ที่การทำผลงาน ซึ่งสเตอร์ริดจ์เวลานี้ก็ทำผลงานได้ดี
ฉะนั้นผมจึงคิดว่าถ้ากรณีขาดคูติญโญ่ไปฟุตบอลที่เล่นเป็นทีมก็น่าจะมีการปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเรื่องของแผนการเล่น แท็คติก ตัวผู้เล่นเพื่อให้เหมาะสมกับทีม และเป็นผลดีต่อทีม ณ เวลานั้นที่สุด แต่นี้ร็อดเจอร์สบอกขาดคูติญโญ่แล้วเกมตื้อ แถมที่ผ่านมาพยายามจะทำให้คูติญโญ่เป็นผู้กำหนดทุกสิ่งอย่างของทีม ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการปั้นให้คูติญโญ่เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ ด้วยการไปดึงเอาปีกอย่างโมเซสเข้ามา ทั้งๆที่คูติญโญ่ก็เล่นปีกได้ แล้วนักเตะในแนวรุกของทีมเดิมก็มีอยู่แล้วหลายตัวที่เพียงพอต่อการจัดทีมที่มีคุณภาพ หรือการไปปล่อยตัวนักเตะรายอื่นๆที่เล่นในตำแหน่งเดียว หรือตำแหน่งใกล้เคียงกันกับคูติญโญ่ออกจากทีม เช่น ซูโซ่ อัสไซดี้ เชลวี่ย์ ดาวนิ่ง เป็นต้น ผมจึงคิดว่าบางทีหากร็อดเจอร์สต้องการให้ลิเวอร์พูลเล่นเป็นทีมมากขึ้น ก็น่าจะลองลดบทบาทของคูติญโญ่ลงมาบ้างก็ดีครับ